ร้านนี้ใครที่ชอบทานเนื้อแนะนำต้องมาลองลิ้มเนื้อวากิวจากญี่ปุ่นแท้ๆ ว่าจะนุ่มลิ้นเพียใด นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ให้เลือกอีกหลายเมนู อย่าง
KAMADA Salad เมนูนี้เบาๆ มีเนื้อนุ่มๆ มาให้ได้ทานคู่กับผักบ้าง
Wagyu Roast Beef ใช้เนื้อสะโพกมาทำนุ่ม ทานคู่กับน้ำราด กินแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่กินอาหารแล้วสดชื่น สุดจริงๆ กับจานนี้
Wagyu Curry Rice หรือเรียกง่ายๆ ว่าข้าวแกงกะหรี่เนื้อวากิว จานนี้เครื่องแกงกะหรี่เข้มข้นมาก
ร้าน Wagyu Kamada
ชั้น 3 The Mercury Ville (BTS Chitlom)
โทร 02-253-1595
เปิดร้านทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 - 22:00 น.
จัดต่อกันให้พุงแตกเลย แต่ดูจากสีหน้าชาวแก๊งค์แต่ละคนแล้ว ยังชิลๆ ไปกันที่ร้าน SUSHI-OO เข้าไปภายในร้านก็จะเจอบาร์อาหารทำกันสดๆ เสิร์ฟกันให้ถึงหน้าเลย ตามสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป
มาเดี่ยว มาคู่ มาเป็นกลุ่ม เลือกนั่งกันได้ตามสบายเลยคะ
ทำกันสดๆ ให้เห็นกันจะๆ ไปเลย ยั่งทั้งตา ยั่งทั้งท้องจริงๆ
ร้านนี้มีเอกลักษณ์ คือ ซูชิ 2 ชั้น หรือเรียกง่ายๆ ว่า Double Sushi ปลาต้องสดมากถึงจะนำมาทำเป็นซูชิ 2 ชั้นได้ ซึ่งซูชิที่ร้านมีมากถึง 33 หน้า
โอไทเซอร์ เมนูเรียกน้ำย่อยระหว่างรอ เป็นหนวดปลาหมึก แซลมอนคลุกกับมายองเนสวาซาบิ จี๊ดถึงรสวาซาบิทุกคำจริงๆ
สลัดปลาเงินทอดกรอบมาก ใช้ซอสสูตรพิเศษจากร้าน อร่อยลงตัวสุด
มาแล้ว ข้าวหน้าปลาดิบ พิเศษที่สามารถเลือกเอาเฉพาะหน้าที่เราชอบได้ 3 หน้า จานนี้มติเป็นเอกฉันท์ที่หน้าปลาโอทาโร่ ปลาไหล และหอยเม่น ขอบอกว่าเครื่องเยอะกว่าข้าวมาก
มาแล้วจานที่ทุกคนลอยคอ เอ้ย รอคอย Set Lunch สเต็กหมู มาพร้อมข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ หอมซุปมิโซะ จะบอกว่าถ้าไม่ทานข้าวจะเลือกทานเฉพาะแค่เนื้อหมูก็อร่อยไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ ร้าน SUSHI-OO ยังมีอีกกว่า 150 เมนูให้มาลองกัน ซึ่งทุกเมนูได้คัดเลือกวัตถุดิบมาอย่างดี และอย่าลืมถ้าชำระด้วยเงินสดลดราคาอาหารไปเลย 30% ค่ะ
ร้าน SUSHI-OO
ชั้น 3 The Mercury Ville (BTS Chitlom)
โทร 02-658-5858, 085-341-4666.
ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 - 22:00 น.
และร้านสุดท้ายของทริปสายแข็งอย่างพวกเราในวันนี้จบที่ร้าน Crostini อาหารอิตาเลี่ยนสไตล์ซาดิเนีย นั่งชิลดูวิวเมือง เพราะร้านออกแบบเปิดโล่ง มองเห็นวิวด้านนอกเทบจะ 360 องศาเลยก็ว่าได้
โล่ง โปร่ง สบายตา นี่ยังไม่ทันได้ลองอาหาร ก็แทบจะอิ่มกับรรยายกาศของร้านแล้วนะเนี่ย
สั่งอาหารมารัวๆ ถึงจะไม่ค่อยถนัดอาหารแนวนี้มากนัก แต่ลองชิมแล้วก็อร่อยไม่แพ้กันเลยวันนี้ เน้นอาหารทะเล และสมุนไพรจากเกาะซาดิเนีย ไม่มีครีม ทำให้ไม่เลี่ยนมาก
Mix Crostini เมนูทานระหว่างรอ แต่อย่าเผลอหยิบเพลินกันละ
Spaghetti al Cartoccio ซอสไวน์ขาว จานนี้ทะเลมาเต็ม พร้อมสารพัดหอย และกุ้งตัวเบิ้ม
แป้งห่อสปาเก็ตตี้ก็ทานได้นะเออ เก๋ๆ ดีอ่ะ บาง กรอบ
Spaghetti al Nero di Seppia เส้นสปาเก็ตตี้หมึกดำ แถมเพิ่มซอสหมึกดำขึ้นมาอีก ทั้งกลิ่นและรสชาติที่ได้ปลาหมึกมาเต็มคำ เส้นเหนียว เคี้ยวง่าย
ก่อนจะปิดท้ายที่ พิซซ่าแป้งบาง หน้ามะเขือเทศ ทูน่า ที่เด็ดอยู่ที่แป้งบางมาก กรอบ เคี้ยวได้รสทูน่าสุดๆ
ร้านนี้ถึงจะดูหรู แต่ราคาสบายกระเป๋าแน่นอนคะ รสชาติไม่เลี่ยนมากอย่างที่บอกจริงๆ พวกเราชาวแก๊งค์สายแข็งคอนเฟิร์ม
ร้าน Crostini ชั้น 4 The Mercury Ville (BTS Chitlom)
โทร 02-639-3710
เปิด ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
ดีน่ะวันนี้ที่ไม่ลืมจะติดเจ้า Canon PowerShot G3X มาด้วย พร้อมความพิเศษแบบเมพจริงๆ นั่งตรงมุมไหน จะใกล้หรือไกล ถ่ายได้แบบชิว โฟกัสไม่หลุดเฟรมเลยค่ะ ภาพสวยๆ ของทริปนี้ก็มาจาก Canon PowerShot G3X ล้วนๆ
กว่าจะออกจากห้างกันได้ก็ตะวันตกดินแทบไม่มีแสงให้ได้ลองกล้องยามเย็นกันเลย จะว่าไปวันหยุดไม่ว่าจะสั้นหรือยาว จะไปใกล้หรือไกล ทุกการเดินทางก็จะมีความสุขเล็กๆ ให้ได้นึกถึงอยู่เสมอ แค่ออกนอกบ้านสิ่งที่เจอก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเราแล้วล่ะค่ะ